จากการที่โปรดเกล้าฯ
ให้มีการปฏิบัติการฝนหลวงพิเศษกู้ภัยแล้ง พ.ศ. ๒๕๔๒ อย่างสัมฤทธิ์ผล
นอกจากจะโปรดเกล้าฯ
ให้ฟื้นฟูทบทวนประสบการณ์และเทคนิคพระราชทานที่เคยปฏิบัติการได้ผลมาแล้วในอดีตมาใช้ปฏิบัติการในครั้งนี้แล้ว
ยังโปรดเกล้าฯ ให้มีการพัฒนาเทคโนโลยีและเทคนิคควบคู่กันไปด้วย
ซึ่งทรงสามารถพัฒนากรรมวิธีการทำฝนหลวงให้ก้าวหน้าขึ้นอีกระดับหนึ่ง คือ
เป็นการปฏิบัติการฝนหลวงโดยการดัดแปรสภาพอากาศให้เกิดฝนโดยเทคโนโลยีฝนหลวงจากทั้งเมฆอุ่นและเมฆเย็นพร้อมกัน
(เดิมเป็นกิจกรรมทำฝนจากเมฆอุ่นเพียงอย่างเดียว) ด้วยพระปรีชาสามารถ ทรงพัฒนาเทคนิคการโจมตีเมฆอุ่นและเมฆเย็นพร้อมกันในกลุ่มเมฆเดียวกัน
ซึ่งโปรดเกล้าฯ ให้เรียกเทคนิคการโจมตีที่ทรงประดิษฐ์คิดค้น
ขึ้นมาเป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุดว่า SUPER SANDWICH TECHNIC ทรงสรุปขั้นตอนกรรมวิธีโดยทรงประดิษฐ์ขึ้นเป็นแผนภาพการ์ตูนโดยคอมพิวเตอร์ด้วยพระองค์เอง
พระราชทานให้ใช้เป็น ตำราฝนหลวง
เพื่อให้เป็นแบบอย่างใช้ในการปฏิบัติการฝนหลวงให้เป็นไปในทางเดียวกัน
แผนภาพฝีพระหัตถ์ดังกล่าวประมวลความรู้ทางวิชาการเทคนิคและกระบวนการขั้นตอนกรรมวิธีในการปฏิบัติการฝนหลวงอย่างครบถ้วนทั้งเทคโนโลยีฝนหลวงไว้ในหนึ่งหน้ากระดาษได้อย่างสมบูรณ์ง่ายต่อความเข้าใจและการถือปฏิบัติ
กระบวนการดัดแปรสภาพอากาศให้เกิดฝนโดยเทคโนโลยีฝนหลวงเป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุดที่ทรงประดิษฐ์คิดค้นขึ้นมา
พระราชทานให้ใช้ปฏิบัติการในประเทศไทยเป็นประเทศแรก
ยังไม่มีประเทศใดในโลกเคยปฏิบัติด้วยเทคโนโลยีนี้มาก่อนอย่างแน่นอน
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงประดิษฐ์ภาพ
"ตำราฝนหลวง" ด้วยคอมพิวเตอร์ แสดงขั้นตอนและกรรมวิธีการดัดแปรสภาพอากาศ
ให้เกิดฝนจากเมฆอุ่นและเมฆเย็น และพระราชทานแก่
นักวิชาการฝนหลวงถือปฏิบัติในแนวทางเดียวกัน เมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๔๒
ภาพแสดงแผนภาพ (การ์ตูน) ตำราฝนหลวงพระราชทาน
ความหมายที่ขยายความจากแผนภาพตำราฝนหลวงพระราชทาน
ภาพแสดงแถวบนสุดของตำราฝนหลวงพระราชทาน
ช่องที่
๑ “นางมณีเมฆขลา”
๑.
เป็นเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์ของสำนักงานมณีเมฆขลา เป็นส่วนหนึ่งของสำนักงานฝนหลวง
๒.
เป็นหัวหน้าสำนักงานอุตุนิยมวิทยาแห่งเขาไกรลาสหรือเขาพระสุเมรุวิเทศะสันนิษฐานว่าอยู่ในทะเล
ช่องที่
๒ “พระอินทร์ทรงเกวียน”
๑.
พระอินทร์เป็นพระสักกะเทวราช เป็นราชาของเทวดาที่ลงมาช่วยทำฝน
ช่องที่
๓ “๑๒ มกราคม ๒๕๔๒”
เป็นวันที่ทรงประทับบนเครื่องบินพระที่นั่งเสด็จไปประกอบพระราชกรณียกิจที่จังหวัดเชียงใหม่
ระหว่างเส้นทางพระราชดำเนินกลับ
ทรงสังเกตเห็นกลุ่มเมฆปกคลุมพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างที่น่าจะทำฝนได้
ทรงบันทึกภาพเมฆเหล่านั้นพระราชทานลงมา และมีพระราชกระแสรับสั่งให้ส่งคณะปฏิบัติการฝนหลวงพิเศษออกไปปฏิบัติการกู้ภัยแล้งในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา
และภาคเหนือตอนล่างโดยเร่งด่วน
ช่องที่
๔ “เครื่องบิน ๓ เครื่อง”
เป็นตัวอย่างของเครื่องบินที่เหมาะสมกับการปฏิบัติการตามตำราฝนหลวงพระราชทานตามขั้นตอนที่
๑-๖ ประกอบด้วย
๑. เครื่องบินเมฆเย็น (BEECHCRAFT
KING AIR) (จำนวนที่เหมาะสม
๑ เครื่อง)
๒. เครื่องบินเมฆอุ่น (CASA) (จำนวนที่เหมาะสม ๒ เครื่อง)
๓. เครื่องบินเมฆอุ่น (CARAVAN) (จำนวนที่เหมาะสม ๒ เครื่อง)
ภาพแสดงแถวที่ ๑ ช่องที่ ๑-๓ เป็นขั้นตอนที่ ๑
เป็นการเร่งให้เกิดเมฆโดยใช้เครื่องบินเมฆอุ่น
๑ เครื่อง โปรยสารเคมีผงเกลือโซเดียมคลอไรด์ (NaCl)
ที่ระดับความสูง ๗,๐๐๐ ฟุต
ในขณะที่ท้องฟ้าโปร่งหรือมีเมฆเดิมก่อตัวอยู่บ้าง ความชื้นสัมพัทธ์ไม่ต่ำกว่า ๖๐
เปอร์เซ็นต์ ให้เป็นแกนกลั่นตัว (Cloud Condensation Nuclei)
เรียกย่อว่า CCN ความชื้นหรือไอน้ำจะถูกดูดซับเข้าไปเกาะรอบแกนเกลือแล้วรวมตัวกันเกิดเป็นเมฆ
ซึ่งเมฆเหล่านี้จะพัฒนาเจริญขึ้นเป็นเมฆก้อนใหญ่ อาจก่อยอดถึงระดับ ๑๐,๐๐๐ ฟุตได้
ภาพแสดงแถวที่ ๒ ช่องที่ ๑-๔ เป็นขั้นตอนที่ ๒
เป็นการเร่งการเจริญเติบโตของเมฆที่ก่อขึ้นหรือเมฆเดิมที่มีอยู่ตามธรรมชาติ
และก่อยอดขึ้นถึงระดับ ๑๐,๐๐๐ ฟุต ฐานเมฆสูงไม่เกิน ๗๐๐๐ ฟุต
ใช้เครื่องบินแบบเมฆอุ่นอีกหนึ่งเครื่องโปรยสารเคมีผงแคลเซียมคลอไรด์ (CaCl2) เข้าไปในกลุ่มเมฆที่ระดับ ๘,๐๐๐ ฟุต
(หรือสูงกว่าฐานเมฆ ๑,๐๐๐ ฟุต)
ทำให้เกิดความร้อนอันเนื่องมาจากการคายความร้อนแฝงจากการกลั่นตัวรอบ CCN รวมกับความร้อนที่เกิดจากปฏิกิริยาของไอน้ำกับสารเคมี CaCl2 โดยตรง
และพลังงานความร้อนจากแสงอาทิตย์ตามธรรมชาติจะเร่งหรือเสริมแรงยกตัวของมวลอากาศภายในเมฆยกตัวขึ้น
เร่งกิจกรรมการกลั่นตัวของไอน้ำและการรวมตัวกันของเม็ดน้ำภายในเมฆ
ทวีความหนาแน่นจนขนาดของเมฆใหญ่และก่อยอดขึ้นถึงระดับ ๑๕,๐๐๐ ฟุต
ได้เร็วกว่าที่จะปล่อยให้เจริญขึ้นเองตามธรรมชาติ ซึ่งยังเป็นส่วนของเมฆอุ่นจนถึงระดับนี้การยกตัวขึ้นและจมลงของมวลอากาศ
การกลั่นและการรวมตัวของเม็ดน้ำยังคงเป็นอย่างต่อเนื่องแบบปฏิกิริยาลูกโซ่
แต่บางครั้งอาจมีแรงยกตัวเหลือพอที่ยอดเมฆอาจพัฒนาขึ้นถึงระดับสูงกว่า ๒๐,๐๐๐
ฟุตซึ่งเป็นส่วนของเมฆเย็น เริ่มตั้งแต่ระดับประมาณ ๑๘,๐๐๐ ฟุตขึ้นไป
(อุณหภูมิต่ำกว่า ๐ องศาเซลเซียส)
ภาพแสดงแถวที่ ๓ ช่องที่ ๑-๔ เป็นขั้นตอนที่ ๓
เป็นการเร่งหรือบังคับให้เกิดฝน
เมื่อเมฆอุ่นเจริญเติบโตขึ้นจนเริ่มแก่ตัวจัด ฐานเมฆลดระดับต่ำลงประมาณ ๑,๐๐๐ ฟุต
และเคลื่อนตัวใกล้เข้าสู่พื้นที่เป้าหมาย
ทำการบังคับให้ฝนตกโดยใช้เทคนิคการโจมตีแบบ Sandwich
โดยใช้เครื่องบินเมฆอุ่น ๒ เครื่อง
เครื่องหนึ่งโปรยผงโซเดียมคลอไรด์ (NaCl) ทับยอดเมฆหรือไหล่เมฆที่ระดับไม่เกิน
๑๐,๐๐๐ ฟุตทางด้านเหนือลม อีกเครื่องหนึ่งโปรยผงยูเรีย (Urea) ที่ระดับฐานเมฆด้านใต้ลม ให้แนวโปรยทั้งสองทำมุมเยื้องกัน ๔๕ องศา
เมฆจะทวีความหนาแน่นของเม็ดน้ำขนาดใหญ่และปริมาณมากขึ้น
ล่วงหล่นลงสู่ฐานเมฆทำให้ฐานเมฆหนาแน่นจนใกล้ตกเป็นฝนหรือเริ่มตกเป็นฝนแต่ยังไม่ถึงพื้นดินหรือตกถึงพื้นดินแต่ปริมาณยังเบาบาง
ภาพแสดงแถวที่ ๔ ช่องที่ ๑-๓ เป็นขั้นตอนที่ ๔
เป็นการเสริมการโจมตีเพื่อเพิ่มปริมาณฝนให้สูงขึ้น
เมื่อกลุ่มเมฆฝนตามขั้นตอนที่ ๓ ยังไม่เคลื่อนตัวเข้าสู่เป้าหมาย
ทำการเสริมการโจมตีเมฆอุ่นด้วยสารเคมีสูตรเย็นจัด คือ น้ำแข็งแห้ง (Dry Ice) ซึ่งมีอุณหภูมิต่ำระดับ –๗๘ องศาเซลเซียสที่ใต้ฐานเมฆ ๑,๐๐๐ ฟุต
จะทำให้อุณหภูมิของมวลอากาศใต้ฐานเมฆลดต่ำลง และความชื้นสัมพัทธ์สูงขึ้นจะทำให้ฐานเมฆยิ่งลดระดับต่ำลง
ปริมาณฝนตกหนาแน่นยิ่งขึ้น
และชักนำให้กลุ่มฝนเคลื่อนตัวเข้าสู่พื้นที่เป้าหมายหวังผลได้แน่นอนและเร็วขึ้น
ภาพแสดงแถวที่ ๕ ช่องที่ ๑-๓ เป็นขั้นตอนที่ ๕
เป็นการโจมตีเมฆเย็นด้วย
Agl
ขณะที่เมฆพัฒนายอดสูงขึ้นในขั้นตอนที่ ๒ ถึงระดับเมฆเย็น
และมีแค่เครื่องบินเมฆเย็นเพียงเครื่องเดียว
ทำการโจมตีเมฆเย็นโดยการยิงพลุสารเคมีซิลเวอร์ไอโอไดด์ (Agl) ที่ระดับความสูงประมาณ ๒๑,๕๐๐ ฟุต ซึ่งมีอุณหภูมิระดับ –๘ ถึง –๑๒ องศาเซลเซียส มีกระแสมวลอากาศลอยขึ้นกว่า
๑,๐๐๐ ฟุตต่อนาที และมีปริมาณน้ำเย็นจัดไม่ต่ำกว่า ๑ กรัมต่อลูกบาศก์เมตร
ซึ่งเป็นเงื่อนไขเหมาะสมที่จะทำให้ไอน้ำระเหยจากเม็ดน้ำเย็นยิ่งยวด (Super
cooled vapour) มาเกาะตัวรอบแกน Agl
กลายเป็นผลึกน้ำแข็งได้ด้วยประสิทธิภาพที่ดีที่สุด ไอน้ำที่แปรสภาพเป็นผลึกน้ำแข็งจะทวีขนาดใหญ่ขึ้นจนร่วงหล่นลงมา
และละลายเป็นเม็ดฝนเมื่อเข้าสู่ระดับเมฆอุ่น
และจะทำให้ไอน้ำและเม็ดน้ำในเมฆอุ่นเข้ามาเกาะรวมตัวกันเป็นเม็ดใหญ่ขึ้นทะลุฐานเมฆเป็นฝนตกลงสู่พื้นดิน
ภาพแสดงแถวที่ ๖ ช่องที่ ๑-๓ เป็นขั้นตอนที่ ๖
เป็นการโจมตีแบบ
SUPER SANDWICH จะทำได้ต่อเมื่อมีเครื่องบินปฏิบัติการทั้งเมฆอุ่นและเมฆเย็นใช้ปฏิบัติการได้ครบถ้วน
ขณะที่ทำการโจมตีเมฆอุ่นตามขั้นตอนที่ ๓ และ ๔ ทำการโจมตีเมฆเย็นตามขั้นตอนที่ ๕
ควบคู่กันไปในขณะเดียวกัน
จะทำให้ฝนตกหนักและต่อเนื่องนานและปริมาณน้ำฝนสูงยิ่งขึ้น เนื่องจากเป็นการประสานประสิทธิภาพของการโจมตีเมฆอุ่นในขั้นตอนที่
๓ และ ๔และโจมตีเมฆเย็นในขั้นตอนที่ ๕ ควบคู่กันไปในขณะเดียวกัน
เทคนิคการโจมตีนี้โปรดเกล้าฯ ให้เรียกว่า SUPER SANDWICH
ภาพแสดงแถวล่างสุดของตำราฝนหลวงพระราชทาน
ช่องที่๑
“แห่นางแมว” (CAT
PROCESSION)
๑. เป็นการรวมผลหรือประชาสัมพันธ์
(บำรุงขวัญ)
๒. แมวเกลียดน้ำ (The cat hates water)
๓. เป็นพิธีกรรมขอฝนที่สืบทอดกันมาแต่โบราณกาล
๔. เป็นพิธีกรรมด้านจิตวิทยาเมื่อฝนแล้งเกิดความเดือดร้อน
ปั่นป่วนวุ่นวายจึงต้องมีจิตวิทยาบำรุงขวัญให้ประชาชน และเจ้าหน้าที่มีกำลังใจ
ช่องที่
๒ “เครื่องบินทำฝน”
๑. เครื่องบินปฏิบัติการ
(เป็นพาหะในการประยุกต์เทคโนโลยีฝนหลวง)
๒. เครื่องบินต้องกล้าบินเข้าเมฆฝน
สำรวจและติดตามผล
๓. นักบินและนักวิชาการฝนหลวงต้องร่วมมือกัน
(The pilot and the rainmakers must
cooperate)
ช่องที่
๓ “กบ”
๑. เลือกนายหรือขอฝนและเรียกฝน
กบร้องแทนอุตุนิยม
๒. ถ้าไม่มีความชื้นกบเดือดร้อนและกบเตือนให้มีความพยายาม
มิฉะนั้นกบตาย ไม่มีฝนเกษตรกรตาย
๓. ท่านต้องจูบกบหลายตัว
ก่อนที่จะพบเจ้าชายเพียงหนึ่งองค์ (You
have kiss to a lot of frogs before you meet a prince) หมายความว่าต้องมีความพยายามทำซ้ำหลายๆครั้ง
เพื่อให้เกิดฝนได้สักครั้ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น